ยาพาราเซตามอล ยี่ห้อไหนดี

ยาพาราเซตามอล “Paracetamol” เป็นยาแก้ปวดและลดไข้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับผู้ที่มีอาการป่วยเริ่มต้น โดยยาพาราเซตามอลมีสรรพคุณในการบรรเทาอาการปวดหัว ปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ ปวดร่างกาย ปวดประจำเดือน และลดไข้ ยาพาราเซตามอลเป็นยาที่หาซื้อได้ง่าย สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป หรือร้านค้าออนไลน์ โดยไม่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ กลไกการออกฤทธิ์ของยาพาราเซตามอล โดยยับยั้งการสร้าง prostaglandins ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำให้เกิดอาการปวดและไข้ สามารถผ่านเข้าสู่เซลล์ประสาทได้ และยับยั้งการสังเคราะห์ prostaglandins ที่ปลายประสาท ส่งผลให้อาการปวดและไข้ลดลง มีจำหน่ายในหลายรูปแบบ เช่น ยาเม็ด ยาน้ำเชื่อม ยาผงสำหรับชง ยาเหน็บทวารหนัก เป็นต้น นิยมใช้งานมากที่เป็นแบบเม็ด สามารถติดตามการแนะนำสินค้าของเราได้ที่เว็บไซต์ 10อันดับยี่ห้อไหนดี.com หรือ ค้นหา กูเกิ้ล ด้วย ยาพาราเซตามอล ยี่ห้อไหนดี Paracetamol ยี่ห้อไหนดี

แนะนำสินค้าใกล้เคียง
ยาลดน้ำมูก ยี่ห้อไหนดี ประจำปี 2024
15 บทความ ยา ขายดี ประจำปี 2024

แนะนำ ยาพาราเซตามอล ยี่ห้อไหนดี Paracetamol ปวดหัว ลดไข้ ประจำปี 2024

อัพเดทล่าสุด พ.ค. 2567

ขนาดและวิธีการใช้
น้ำหนักน้อยกว่า 34 กก. ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
น้ำหนักตั้งแต่ 34 – 50 กินยาครั้งละ 1 เม็ด แต่ละครั้งห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เฉพาะเวลาปวดหรือมีไข้
น้ำหนักมากกว่า 50 – 67 กินยาครั้งละ หนึ่งเม็ดครึ่ง วันละไม่เกิน 5 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เฉพาะเวลาปวดหรือมีไข้
น้ำหนักมากกว่า 67 กินยาครั้งละ 2 เม็ด วันละไม่เกิน 4 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เฉพาะเวลาปวดหรือมีไข้

ขนาดและวิธีการใ
น้ำหนักตัว 34 – 50 กิโลกรัม รับประทานครั้งละ 1 เม็ด
น้ำหนักตัวมากกว่า 50 – 67 กิโลกรัม รับประทานครั้งละ 1 เม็ดครึ่ง วันละไม่เกิน 5 ครั้ง
น้ำหนักตัวมากกว่า 67 กิโลกรัม รับประทานครั้งละ 2 เม็ด วันละไม่เกิน 4 ครั้ง
รับประทานยาห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เฉพาะเวลาปวดหรือมีไข้

ขนาดและวิธีการใช้
น้ำหนักน้อยกว่า 34 กก. ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
น้ำหนักตั้งแต่ 34 – 50 กินยาครั้งละ 1 เม็ด แต่ละครั้งห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เฉพาะเวลาปวดหรือมีไข้
น้ำหนักมากกว่า 50 – 67 กินยาครั้งละ หนึ่งเม็ดครึ่ง วันละไม่เกิน 5 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เฉพาะเวลาปวดหรือมีไข้
น้ำหนักมากกว่า 67 กินยาครั้งละ 2 เม็ด วันละไม่เกิน 4 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เฉพาะเวลาปวดหรือมีไข้

ไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันเกิน 5 วัน ยาแก้ปวดลดไข้ที่มีสรรพคุณคล้ายกันและใช้แทนกันได้กับ ไทลินอลแผง

พาราเซตามอล 120 มก./5 มล. ปราศจากแอลกอฮอล์ และน้ำตาล รสสตรอเบอรี่ เป็นยาสามัญประจำบ้าน
โปรดอ่านคำเตือนในฉลากก่อนใช้ยา ใบอนุญาตโฆษณาเลขที่ ฆท. 40/2565 เลขทะเบียนตำรับยาที่ 1A 859/43

เลขที่ ฆท.1279/2566 Reg. No. 1A 10/64 ยานี้ใช้เพื่อลดไข้ บรรเทาอาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง

รส มิกซ์เบอรี่ 120 มก./5 มล. ชนิดน้ำ
ขนาดและวิธีการใช้ อายุน้อยกว่า 2เดือน ให้ปรึกษาแพทย์ หรือ เภสัชกร
น้ำหนักตั้งแต่ 4-6 กก. รับประทาน ครึ่ง ช้อนชา หรือ 2.5 มล.
น้ำหนักตั้งแต่ 6-8 กก. รับประทาน สามส่วนสี่ช้อนชา หรือ 3.75 มล.
น้ำหนักตั้งแต่ 8-12 กก. รับประทาน 1 ช้อนชา หรือ 5 มล.
น้ำหนักตั้งแต่ 12-16 กก. รับประทาน หนึ่งช้อนชาครึ่ง หรือ 7.5 มล.
น้ำหนักตั้งแต่ 16-24 กก. รับประทาน 2 ช้อนชา หรือ 10 มล.

ขนาดและวิธีการใช้
น้ำหนักน้อยกว่า 34 กก. ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
น้ำหนักตั้งแต่ 34 – 50 กินยาครั้งละ 1 เม็ด แต่ละครั้งห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เฉพาะเวลาปวดหรือมีไข้
น้ำหนักมากกว่า 50 – 67 กินยาครั้งละ หนึ่งเม็ดครึ่ง วันละไม่เกิน 5 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เฉพาะเวลาปวดหรือมีไข้
น้ำหนักมากกว่า 67 กินยาครั้งละ 2 เม็ด วันละไม่เกิน 4 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เฉพาะเวลาปวดหรือมีไข้

ขนาดและวิธีการใช้
เด็กอายุ 1-3 ปี ครั้งละ 0.5-1 ช้อนชา ทุก 4-6 ชม.
เด็กอายุ4-6 ปี ครั้งละ 1 ช้อนชา ทุก 4-6 ชม.
เด็กอายุ 7-12 ปี ครั้งละ 2 ช้อนชา ทุก 4-6 ชม.

ขนาดรับประทาน ยาพาราเซตามอล

ขึ้นอยู่กับอายุและน้ำหนักตัว โดยทั่วไปผู้ใหญ่ควรรับประทานยาพาราเซตามอลครั้งละ 500-1000 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง ไม่ควรรับประทานยาพาราเซตามอลเกิน 4000 มิลลิกรัมต่อวัน

ข้อควรระวังการใช้ ยาพาราเซตามอล

การกินยาพาราเซตามอลเกินขนาดที่กำหนดอาจทำให้เกิดพิษต่อตับได้ อาการของพิษต่อตับ ได้แก่ อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม และตับโต หากมีอาการเหล่านี้ควรหยุดรับประทานยาพาราเซตามอลและไปพบแพทย์ทันท
นอกจากนี้ ไม่ควรรับประทานยาพาราเซตามอลร่วมกับยาแก้ปวดชนิดอื่น เช่น ไอบูโพรเฟน หรือแอสไพริน เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงต่อตับ
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยของยาพาราเซตามอล ได้แก่ อาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และปวดท้อง ผลข้างเคียงที่รุนแรงน้อยกว่า ได้แก่ อาการแพ้ยา ได้แก่ ผื่นคัน ลมพิษ หายใจลำบาก ควรระวังให้มากเพื่อความปลอดภัยต่อร่างกายของท่านเอง

สรุป : การใช้ยาพาราเซตามอล ควรเลือกกินที่มีอาการที่รู้สึกว่าควรกิน ไม่ค่อยกินบ่อยๆ อาจจะทำให้ร่างหายดื้อยาในอนาคต ดังนั้นควรกินให้พอดีไม่ควรกินเกินขนาด เพื่อป้องกันผลข้างเคียงในอนาคต หรือรีบไปพบแพทย์ใกล้บ้านเพื่อรักษาสุขภาพร่างกายให้ตรงอาการของท่านเอง

• Facebook
• Twitter
• Line